วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

สตอเบอรี่

ประวัติของสตอเบอรี่

สตรอเบอรีได้รับการยอมรับว่าเป็นผลไม้ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งและโรคหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า เมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากับผลไม้ชนิดอื่นๆ แล้ว พลังในการต้านอนุมูลอิสระของสตรอเบอรี่จะสูงกว่าส้มถึงหนึ่งเท่าครึ่ง สูงกว่าองุ่นแดง 2 เท่า สูงกว่ากีวี 3 เท่า เป็นต้นปัจจุบัน ประเทศไทยมีการปลูกสตรอเบอรี่เพื่อการค้าหลายพันธุ์ ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวง เป็นหน่วยงานหลักที่ให้ความสนับสนุน โดยจะเน้นส่งเสริมการปลูกสตรอเบอรี่พันธุ์ที่มีคุณภาพในการรับประกันสดสูง อันได้แก่ พันธุ์พระราชทาน 50 (พระราชทานเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นปีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี) เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วนำเข้ามาคัดเลือกโดยการผสมตัวเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพอากาศเย็นปานกลาง ทรงพุ่มปานกลางถึงค่อนข้างแน่น ผลผลิตมีคุณภาพดีโดยเฉพาะใกล้สุกเต็มที่ น้ำหนัก/ผล 12-18 กรัม รูปร่างเป็นลิ่มสีแดงถึงสีแดงเข้ม ค่อนข้างแข็งไม่ต้านทานต่อไรแต่ต้านทานราแป้งได้ดี พันธุ์พระราชทาน 70 (ตรงกับปี พ.ศ.2540 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา) เป็นสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น ใบมีลักษณะกลมใหญ่ และสีเขียวเข้มไม่ทนต่อราแป้ง แต่ทนต่อโรคเหี่ยว ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง น้ำหนัก/ผล 11.5-13.0 กรัม ผลมีลักษณะทรงกลมหรือทรงกรวย สีแดงสดใสแต่ไม่สม่ำเสมอ เนื้อและผลค่อนข้างแข็ง มีกลิ่นหอม มีความฉ่ำและรสชาติหวาน พันธุ์พระราชทาน 72 (ตรงกับปี พ.ศ.2542 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา) เป็นสายพันธุ์นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นชื่อพันธุ์ TOCHIOTOME ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 น้ำหนัก/ผล 14 กรัม เนื้อผลแข็งกว่าพันธุ์พระราชทาน 70 แต่มีความหวานน้อยกว่า มีกลิ่นหอมเมื่อเริ่มสุก เนื้อภายในผลมีสีขาว ผิวผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงถึงแดงจัด เงาเป็นมันที่ผิวผล ทนต่อการขนส่งมากกว่าพันธุ์อื่น
 
 
ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่

เป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัดและให้พลังงานต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
มีวิตามินซีสูง สามารถป้องกันโรคหวัดได้เมื่อรับประทานเป็นประจำ
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ สตอรว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอยู่ในอันดับต้นๆของผักผลไม้มีการศึกษาในผู้หญิงสูงอายุพบว่ารับประทานวันละ 20ผล หรือ 240 กรัม ทำให้ความสามารถต้านอนุมูลอิสระในเลือดเพิ่มขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้
ช่วยล้างพิษ ทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลาย
แนวทางให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก สตรอว์เบอร์รี่
สตรอว์เบอร์รี่ยิ่งสดยิ่งมีคุณค่าสูง ดังนั้นจึงควรเก็บในตู้เย็นและรับประทานทันทีหลังจากซื้อ เพราะวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆในสตรอว์เบอร์รี่ไม่คงตัว จึงถูกทำลายได้ง่าย และการรับประทานสตรอว์เบอรรี่ แบบสดๆ จะทำให้ได้รับคุณค่าทางสารอาหารจากสตรอว์เบอร์รี่ดีที่สุด


 




 
อ้างอิง
 
http://kongpranpan.blogspot.com/2008/08/blog-post.html
 
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=treerose&month=15-02-2010&group=7&gblog=4
 
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88&hl=th&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=jGmBT-mkL8PorQfmpIzSBQ&ved=0CD4QsAQ&biw=1360&bih=566

ชิวาวา

                                               ประวัติสายพันธุ์ชิวาวา



เมื่อราวต้นศตวรรษที่ 19 บนแผ่นดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศเม็กซิโก เคยมีอาณาจักรชื่อ Toltecs ปกครองดินแดนแถบนั้นอยู่อาณาจักรนี้รุ่งเรืองอยู่นานนับร้อยปี มีอารยธรรมและความเจริญต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างสุนัขพันธุ์ Techichi ซึ่งมีขนาดเล็กแต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือเป็นสุนัขที่เงียบกริบ ถือกันว่า Techichi เป็นสุนัขพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางและเป็นต้นกำเนิดแห่งสายพันธุ์ชิวาวา
 หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า Techichi เป็นสุนัขที่มีอยู่ตั้งแต่สมัย Toltecs คือรูปสลักสุนัขบนหิน เป็นรูปเต็มของสุนัขทั้งตัวซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในสมัยปัจจุบันอย่างมาก รูปสลักนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Monastery of Auejotzingo ตั้งอยู่บนทางหลวงระหว่าง Mexico City กับ Puebla อารามดังกล่าวสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1530 โดยคณะบาทหลวงฟรานซิสกัน แต่วัสดุที่ใช้สร้างมาจากปิรามิดเก่า ชื่อ Pyramids of Cholula ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาว Toltecs  นอกจากนี้ยังมีปิรามิดแห่งอื่นที่สร้างขึ้นในสมัย Toltecs และมีรูปสลักสุนัข Techichi อยู่ด้วย คือปิรามิด Chichen Itza ในแถบ Yucatan

         หลังจากอาณาจักร Toltecs ล่มสลายก็ถึงคราวของรุ่งเรืองของอาณาจักร Aztec ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับที่เคยเป็น Toltecs พื้นที่แถบนี้ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมือง Mexico City จึงมีผู้ค้นพบเศษซากโบราณวัตถุอยู่เสมอ และมักมีผู้อ้างว่าเจอหลักฐานเก่าแก่เกี่ยวกับต้นตระกูลสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ  ส่วนหลักฐานของชิวาวานั้นถูกค้นพบในปี ค.ศ.1850 ที่โบราณสถานใกล้กับ Casas Grandes เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวังของพระจักรพรรดิ Motezuma  ที่ 1 แห่ง Aztec อาณาจักร Aztec ร่ำรวย  มีอายุหลายร้อยปีพระจักรพรรดิ Montezuma ทรงเลี้ยงชิวาวาไว้ในวัง พวกชนชั้นสูงจึงเอาอย่าง ในสมัยนั้นแม้แต่ชิวาวาของเศรษฐียังเป็นที่ยกย่อง ส่วนตัวที่มีสีน้ำเงินถือเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามคนทั่วไปเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ มีเรื่องเล่าว่ามีคนกินชิวาวาเสียด้วยซ้ำ  ต่อมาใน ค.ศ. 1519 - 1520 อาณาจักร Aztec ก็ล่มสลายลงบ้าง ความร่ำรวยและอารยธรรมต่าง ๆ ของ Aztec ไม่หลงเหลืออยู่ ชิวาวาจึงพลอยหายสาบสูญไปด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึง Techichi ผู้เป็นต้นเค้าของชิวาวาไม่ได้มีแต่เพียงในเม็กซิโกเท่านั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยังเคยเขียนจดหมายถึงกษัตริย์แห่งสเปน กล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะซึ่งปัจจุบันคือประเทศคิวบา เขาเล่าว่าที่เกาะนั้นมี "สุนัขตัวเล็ก เงียบ ไม่เห่า และเชื่องมาก" นักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาว Aztec จะนำสุนัขไปถึงคิวบาเพราะชนเผ่านี้ไม่ใช่นักเดินทะเล แต่สุนัขจะไปถึงที่เกาะนั้นได้อย่างไรยังไม่มีใครหาคำตอบได้

       สถานะของชิวาวาในยุค Toltecs และ Aztec ไม่ได้เป็นแค่เพียงสุนัขที่ผู้คนนิยมกันมากเท่านั้น แต่ยังเป็นสุนัขที่มีความสำคัญทางศาสนาด้วย กล่าวคือใช้เป็นสื่อกลางในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีจึงได้เห็นซากชิวาวาถูกฝังอยู่ในหลุมศพเดียวกับคนอยู่ทั่วไปในเม็กซิโกและบางส่วนของสหรัฐอเมริกามีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเพี่ยวกับชิวาวาประการหนึ่ง เสนอโดย K. de Blinde ข้าราชการชาวเม็กซิกันผู้ขี่ม้าท่องไปทั่วประเทศและเป็นนักสร้างสายพันธุ์ตัวยง เขากล่าวว่าชิวาวาเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Techichi กับสุนัขตัวเล็กไร้ขนที่มาจากเอเชีย สุนัขตัวเล็กนี้คล้ายกับที่มีอยู่ในประเทศจีนและสุนัขนี้เองที่ทำให้ Techichi มีขนาดเล็กลงไปจนเท่า ๆ กับชิวาวาในปัจจุบัน กระนั้นชิวาวาในปัจจุบันก็มีลักษณะแตกต่างจากบรรพบุรุษอยู่บ้างในเรื่องสีขน กล่าวคือมันมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ขาวสว่างไล่ไปจนถึงดำสนิท ชาวเม็กซิกันนิยมสีดำแต้มด้วยสีแทน หรือสีขาวจุดดำ ส่วนชาวอเมริกันนิยมสีพื้นไม่มีแต้มปัจจุบันชิวาวาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ชาวอเมริกันพัฒนาสายพันธุ์ชิวาวาโดยย่อให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงรูปร่าง สัดส่วน รวมทั้งลักษณะนิสัยเดิมไว้ครบถ้วน คือ ฉลาดเฉลียวและกระตือรือร้น ชิวาวาเป็นสุนัขที่รักพวกพ้อง สนใจแต่พวกเดียวกัน ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับสุนัขพันธุ์อื่น โดยทั่วไปชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงชิวาวาขนสั้นมากกว่าชิวาวาขนยาว และมันก็มีนิสัยรักพวกพ้องมากกว่าพวกขนยาวเสียด้วย
 มาตรฐานสายพันธุ์ชิวาวา
 

ลักษณะทั่วไป สง่างาม กระตือรือร้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว รูปร่างกะทัดรัด หน้าตาทะเล้นดูสดใสน่ารัก
น้ำหนัก ไม่ควรหนักเกิน 6 ปอนด์ (ประมาณ 13.20 กิโลกรัม)
สัดส่วน    รูปร่างมีลักษณะลำตัวจะมีสัดส่วนของความยาวมากกว่าความสูงเล็กน้อย (
ความยาววัดจากไหล่ไปจรดบั้นท้าย ส่วนความสูงวัดจากพื้นไปถึงจุดสูงสุดของไหล่ - withers) อย่างไรก็ตาม นิยมให้สุนัขตัวผู้มีลำตัวสั้นกว่าตัวเมีย
สุนัขที่หนักกว่า 6 ปอนด์จะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
หัว กะโหลกกลม มีโดมสูงเล็กน้อยคล้ายผลแอปเปิ้ล หน้าตาดูทะเล้น
ตา ตากลมโตแต่ไม่ปูดโปน ตาสองข้างอยู่ห่างกันพอดีและมีขนาดสมดุลกัน ดวงตาแวววาว สีตามีสีเข้มหรืออาจเป็นสีออกแดงทับทิมก็เป็นได้ ถ้าสุนัขมีขนสีอ่อนหรือสีขาว ดวงตาอาจมีสีอ่อนได้
หู หูใหญ่ ชี้ตั้ง เอียงออกด้านข้าง 45 องศา ทำให้ดูมีพื้นที่ระหว่างหูทั้งสองข้างกว้างขึ้น ถ้ามีสิ่งเร้าหูจะชี้ตรงขึ้น ถ้าหูตกหรือถูกตัดหูจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
ส่วนจมูกกับปาก (muzzle) สั้นพอสมควร ชี้ตรงมาข้างหน้า แก้มและขากรรไกรเอนลาดไปด้านหลังจมูก สุนัขขนสีอ่อนหรือสีบลอนด์จะมีจมูกสีเดียวกับขน หรือสีดำ หรือสีชมพูก็ได้ ส่วนสุนัขขนสีเทาดำ สีน้ำเงิน หรือสีช็อคโกแลต สีจมูกก็จะเป็นไปตามสีขนเช่นกัน
การกัดงับ    ปลายฟันบนสบกับปลายฟันล่างพอดี หรือฟันบนครอบฟันล่างชิดสนิท ไม่เหยินออก ถ้าฟันบนเหยินออกหรือฟันล่างครอบฟันบนในการประกวดจะถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง
คอ  โค้งเล็กน้อยแล้วลาดลงสู่ไหล่อย่างสวยงาม
แนวหลัง     ตรง
ลำตัว ซี่โครงกางออกเป็นรูปกลม (แต่ไม่มากขนาดทำให้สุนัขมีรูปร่างเหมือนถังเบียร์)
หาง ยาวพอสมควร หางโค้งเป็นรูปเคียว ชี้ขึ้นหรือจะเอียงออกด้านข้างก็ได้ หรือจะงอมากจนปลายม้วนขึ้นมาแตะหลังก็ได้ หางต้องไม่ตกลงไปจุกก้น ถ้าสุนัขถูกตัดหางหรือมีหางกุดจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
ไหล่ ไหล่ลาด เอียงไปสู่แนวหลัง(แต่ต้องไม่ต่ำกว่าแนวหลัง) บริเวณส่วนบนของขาหน้ากว้างและรองรับไหล่ได้ดี ขาหน้าตรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ข้อศอกขาหน้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  ไหล่ต้องแข็งแรงเพื่อสร้างสมดุลของร่างกายและทำให้สุนัขดูมีพละกำลัง มีช่วงอกกว้างสมบูรณ์ (แต่ไม่ถึงกับเหมือนพวกบูลด็อก)
เท้า เท้าเล็กดูกระจุ๋มกระจิ๋ม นิ้วเท้าแยกจากกันชัดเจนแต่ไม่กางออก อุ้งเท้าหนานุ่ม นิ้วเท้าไม่แบนราบ นิ้วเท้าคู่ที่อยู่ด้านในไม่ยาวยื่นกว่าสองนิ้วด้านนอกจนเกินพอดี และเท้าต้องไม่กลมมนหรือมีนิ้วเท้าเบียดชิดกันเกินไป
ข้อเท้า สวยงามแข็งแรงดี
ลำตัวส่วนท้าย มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แข็งแรง ข้อศอกขาหลังอยู่ห่างกันอย่างพอเหมาะ ไม่กางออกหรือหุบเข้า ขาตรง มั่นคง เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้า
ขน ชิวาวาขนสั้น : ขนต้องนุ่ม เกรียน และเป็นมันวาว (สุนัขอาจมีขนหนาและมีขนสองชั้นได้) บริเวณคอควรมีขนหนาฟูเล็กน้อย ส่วนบริเวณหูและหัวควรมีขนน้อยกว่าและสั้นเกรียน ขนที่หางควรหนา ยาว และฟูเล็กน้อยเช่นกัน
 ชิวาวาขนยาว : ควรมีขนชั้นใน ขนอาจตรงหรือหยิกเล็กน้อยก็ได้แต่ต้องนุ่ม สุนัขควรมีขนหนา ยาว และฟูเล็กน้อยที่ขา เท้า และสะโพกขาหลัง รวมทั้งที่แผงคอและรอบคอ ต้องมีขนที่ขอบหูด้วยแต่ถ้าขนหนาเกินไปอาจเล็มออกได้บ้าง หูต้องไม่พับลง ส่วนขนที่หางต้องยาว หนา และฟู
ถ้าชิวาวาแบบขนยาวมีขนบางเกินไปจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
สีขน สีอะไรก็ได้ สีพื้น สีแต้มอย่างชัดเจน หรือสีที่แต้มอย่างกระจัดกระจายก็ได้
การก้าวย่าง ควรเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องว่องไวแต่มั่นคง มั่นใจ ขาหน้าเหยียดยื่นออกไปได้ดีพอ ๆ กับที่ขาหลังส่งแรงผลักได้อย่างทรงพลัง เมื่อมองจากทางด้านหลังข้อศอกขาหลังทั้งสองข้างขนานกัน เมื่อก้าวเดินขาหลังก้าวตามขาหน้า เมื่อวิ่งขาทั้งสี่จะเอนเข้ามาแนวกลางลำตัว หัวตั้งตรง แนวหลังยังคงดูแข็งแรงมั่นคงและเป็นแนวตรงเมื่อสุนัขเดินหรือวิ่ง

อารมณ์ ตื่นตัวอยู่เสมอ กระตือรือร้น
สาเหตุที่จะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวดน้ำหนักเกินกว่า 6 ปอนด์
หูหักหรือหูถูกตัด
หางถูกตัดหรือหางกุด
ชิวาวาแบบขนยาวที่มีขนบางเกินไป

















อ้างอิง

http://fairytalesjb.exteen.com/20080202/entry

https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2&hl=th&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=-meBT96WK4_wrQfr76XMBQ&sqi=2&ved=0CDcQsAQ&biw=1360&bih=566

ขนมไทย





ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว-หวาน โดยทั่วไป
ประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง  นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ  งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัด
เป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย  ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง   ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสัน ชนิด   ตลอดจนลักษณะที่
กลมกลืนกัน แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอ

           ประเทศไทยครั้งยังเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ  เช่น จีน อินเดีย มาตั้งแต่สมัสุโขทัย
โดยส่งเสริมการขายสินค้าซึ่งกันและกัน  ตลอดจนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินร่วมไปด้วย   ต่อมาใน
สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์  ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ   อย่างกว้างขวางไทยได้รับเอา
วัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น  วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทย ๆ  จนทำให้คนรุ่นหลัง ๆ   แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ ๆ   และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น        เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ     ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น  สัญชาติโปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงศุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น  ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้นหากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย  ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่มักเป็น "ของเทศ" เช่น ทองหยิบ
ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส มัสกอดจากสกอตต์

           ขนมไทย   เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี  เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ  วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน    ในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม   รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน   ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตก
ต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ

           ขนมไทยที่นิยมทำกันทุก ๆ ภาคของประเทศไทย    ในพิธีการต่าง ๆ   เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้น ๆ    งานศิริมงคลต่าง ๆ   เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่       ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน      เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมี
ฝอยทอง    เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกัน ยืดยาวมีอายุยืน      ขนมชั้น ก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน      ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู
ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

ขนมที่ใช้ในงานมงคลสมรส
ถ้าเป็นงานมงคลสมรสมักจะทำขนมหวานให้ครบ 9 สิ่งขนมที่ใช้ในงานมงคลสมรสตามประเพณี  ทางฝ่าย
เจ้าสาวจะต้องเป็นผู้จัด และขนมที่นิยมจัด คือ
           1. ฝอยทองหรือทองหยิบ
           2. ขนมชั้น
           3. ขนมถ้วยฟู
           4. ขนมทองเอก
           5. ขนมหม้อแกง
           6. พุทราจีนเชื่อม
           7. ข้าวเหนียวแก้ว หรือวุ้นหน้าสีต่าง ๆ
           8. ขนมดอกลำดวน
           9. ผลไม้ต่าง ๆ ลอยแก้ว

      แต่ตามความเชื่อบางอย่างของคนไทย ขนมที่มีลักษณะเป็นเส้น มักจะใช้สำหรับงานทำบุญอายุ     เพราะเชื่อ
ว่าจะช่วยให้มีอายุยืนยาว     แต่กลับไม่ใช้จัดในงานศพ      เพราะเชื่อว่าจะมีการตายต่อเนื่องไม่เป็นมงคล  ความเชื่อเหล่านี้ถือเป็นเหตุผลของแต่ละบุคคลมิได้เป็นข้อห้ามเสียทีเดียว












อ้างอิง

http://kanomthai.exteen.com/page

https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&hl=th&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=lGaBT-bJCYq3rAf1m_2GBg&ved=0CEoQsAQ&biw=1360&bih=566

ปลาทอง

ประวัติปลาทอง











ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน จากการศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด

ปลา ทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุง ศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน

จาก การศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด ปลาทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุง ศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น

พันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย
เทคนิคการเลือกซื้อปลาทอง
เทคนิคการเลี้ยงปลาทอง "เลี้ยงอย่างไรจึงสวย"
เทคนิคการเพาะพันธุ์และการอนุบาลลูกปลาทอง

การเลือกซื้อปลาทอง

มีส่วนหัว ลำตัว และหางที่สมส่วนกัน เวลาว่ายน้ำส่วนหัวไม่ทิ่มลงพื้นหรือว่ายหงายท้อง
สีสันสดใส เกล็ดเรียงเป็นระเบียบสวยงาม
สุขภาพดี ดูได้จากการว่ายน้ำไปมาตามธรรมชาติ ไม่ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำหรือลอยคอผิวน้ำเกือบตลอดเวลา
สำหรับปลาหัวสิงห์ หลังของปลาจะต้องโค้งสวย ไม่มีปุ่มบนหลังหรือหลังปลาบุ๋มลงไป
ครีบและหางของปลาไม่พันงอหรือขาด ครีบมีลักษณะเท่ากัน เวลาว่ายน้ำ ครีบเบ่งบานสวยงาม ไม่ลู่


. ลักษณะของปลาทองพันธุ์หัวสิงห์

ลักษณะ หัวสิงห์ญี่ปุ่น หังสิงห์จีน หัวสิงห์สยาม หัวสิงห์ลูกผสม หัวสิงห์ตากลับ หัวสิงห์ตาลูกโป่ง
หัวและนัยน์ตา - วุ้นเนื้อละเอียด ไม่แตก วุ้นบริเวณมุมปากมีลักษณะคล้ายเขี้ยว
- มีวุ้นครบทั้ง 3 ส่วน คือส่วนบนของหัว กระพุ้งแก้มและบริเวณเหนือริมฝีปาก
- วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส  - หัววุ้นมีขนาดใหญ่กว่าลำตัว ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ขนาดสม่ำเสมอ
- วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส - วุ้นมีทั้งแบบสิงห์จีน และสิงห์ญี่ปุ่น ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดคล้ายสิงห์จีนแต่แน่นกว่า หรือวุ้นเป็นหลืบคล้ายมันสมอง
- วุ้นต้องปิดตาจนมิด - ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดคล้ายสิงห์จีนแต่แน่นกว่า หรือวุ้นเป็นหลืบคล้ายมันสมอง
- วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส - หัวไม่มีวุ้น หรือมีเคลือบวุ้นเล็กน้อย
- ตาใหญ่ สดใส ตาทั้งสองข้างเสมอกัน และหงายแหงนมองฟ้าเสมอ - หัวไม่มีวุ้นหรือเคลือบวุ้นเล็กน้อย
- มีถุงน้ำใต้ตาคล้ายลูกโป่ง ถุงน้ำโปร่งแสง
- ตาและถุงน้ำใต้ตาทั้งสองข้างเสมอกัน

ลำตัว - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
- ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบน ลำตัวไม่คดงอ
-เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ - ไม่มีครีบหลัง หลังตรงหรือลาดโค้งเล็กน้อย
- ลำตัวค่อนข้างกลม หนา ไม่คดงอ
- เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
- ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบนลำตัวไม่คดงอ
- เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
- ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบนลำตัวไม่คดงอ
- เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ - ไม่มีครีบหลัง ลำตัวยาว หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย
- เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ - ลำตัวยาว หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย
เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
ครีบหาง - ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัว เป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
- ครีบหางหนา อาจมี 3 หรือ 4 แฉก
- ครีบหางแผ่กว้าง - ครีบหางใหญ่
- หางลาด ปลายหางเสมอ แนวเดียวกับสันหลัง - ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัวเป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
- ครีบหางหนาอาจมี 3 หรือ 4 แฉก -  ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัวเป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
- ครีบหางหนาอาจมี 3 หรือ 4 แฉก - ครีบหางยาว
- หางลาด ปลายหางเสมอแนวเดียวกับสันหลัง หรือสูงกว่า - ครีบหางยาว
- หางลาด ปลายหางเสมอแนวเดียวกับสันหลัง หรือสูงกว่า
สี - สีเข้มสดใส
- มีทุกสี - สีเข้มสดใส
- มีทุกสี - สีดำปลอด - สีเข้มสดใส
- มีทุกสี - สีเข้มสดใส
- มีทุกสี - สีเข้มสดใส
- มีทุกสี
รูปทรงและการทรงตัว - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี
- มองจากด้านบนเหมือน รูปเหรียญโคบัน (Koban) - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี
- มองด้านบนสันหลังตรง - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี
ครีบทวาร - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ
ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา

2. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ออรันดา

ลักษณะ ออรันดาหัววุ้น ออรันดาหัวแดง ออรันดาห้าสี ออรันดาหางพวง
หัว - วุ้นมาก มองจากด้านบนเห็นเป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยม วุ้นใสสีสด - วุ้นเป็นก้อนกลมสีแดง เหมือนสวมหมวกสีแดง วุ้นบริเวณข้างแก้มและใต้คางไม่มีหรือมีบ้างเล็กน้อย - วุ้นมาก ขนาดสม่ำเสมอ - วุ้นน้อย หรือ ไม่มีวุ้น
ลำตัว - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้างและไม่สั้นจนเกินไป - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้างและไม่สั้นจนเกินไป
- เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ สม่ำเสมอ เป็นเงาสดใส - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้าง ไม่สั้นจนเกินไป
- เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ สม่ำเสมอ เป็นเงาสดใส - ลำตัวค่อนข้างยาว
ครีบ หาง - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - หางยาวเป็นพวง
สี - สีเข้มสดใส มีทุกสี - ลำตัวสีขาวเงิน วุ้นบนหัวสีแดงเข้ม - มีครบทั้ง 5 สี (ฟ้า ดำ แดง ขาว ส้ม) สีกระจายสม่ำเสมอ - มีทุกสี
ครีบ หลัง - ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง -ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง -ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง - ตรีบหลังพลิ้วยาว
ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ 
รูปทรงและการทรงตัว - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี
ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ

3. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ริวกิ้น และ ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว

ลักษณะ ริวกิ้น เกล็ดแก้วหน้าหนู เกล็ดแก้วหัววุ้น เกล็ดแก้วหัวมงกุฏ
หัว - หัวสั้น ปากแหลม ไม่มีวุ้น - ปากแหลม หน้าสั้น ไม่มีวุ้น - มีวุ้น - มีวุ้นเป็นก้อนกลมเดี่ยว
เกล็ด -
- เกล็ดพองโตขนาดสม่ำเสมอ - เกล็ดพองโต เรียงไล่ขนาดเป็นระเบียบ เกล็ดบริเวณกลางลำตัวขนาดใหญ่กว่าส่วนหัว ส่วนท้าย หลัง และท้อง - เกล็ดพองโต เรียงไล่ขนาดเป็นระเบียบ เกล็ดบริเวณกลางลำตัวขนาดใหญ่กว่า ส่วนหัว ส่วนท้าย หลังและท้อง
ลำตัว - มองจากด้านข้างลำตัวค่อนข้างกว้าง ส่วนท้องอ้วนกลม มองจากด้านหน้าโหนกหลังสูงเท่ากันส่วนโค้งของคอและท้อง เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ เป็นเงาสดใส - มองจากด้านบนลำตัว กลมสั้น หัวท้ายแหลม ท้องอูมเป่ง หลังตรง ท้องอูมเป่ง หลังตรง ท้องอูมเป่ง
ครีบหลัง - ครีบหลังสูง ตั้งตรงทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง - ตั้งตรง - ตั้งตรง - ตั้งตรง
ครีบ หาง - ครีบหาง 3 แฉก หรือ 4 แฉก ไม่สั้นจนเกินไป หางไม่พับ - หางยาวปานกลาง ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ - หางสั้น ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ - หางสั้น ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ
สี - สีเข้ม ขาว-แดง ส้ม ห้าสี (ฟ้า แดง ดำ ขาว ส้ม) สีสมดุลย์ทั้ง 2 ข้าง - มีทุกสี - มีทุกสี - มีทุกสี
ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ     
รูปทรงและการทรงตัว - ซ้ายและขวาเสมอกัน ว่ายน้ำทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน
- การทรงตัวดื - ซ้ายและขวาเสมอกัน
-  การทรงตัวดี
ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ

4. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ตาโปน

ลักษณะ เล่ห์กระโปรง เล่ห์ตุ๊กตา ตาโปนห้าสี ตาโปนญี่ปุ่น เล่ห์ควาย ผีเสื้อ (หลังอูฐ)
นัยน์ตา - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน
ลำตัว - กลมสั้น - กลมสั้น - กลมสั้น - กลมสั้น - ขนาดใหญ่ ค่อนข้างยาว - กลมสั้น หลังยกสูง ท้องอ้วนกลม
ครีบ หลัง - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ
ครีบหาง - หางยาวคล้ายกระโปรงสุ่ม - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก ค่อนข้างหนา ยาวปานกลาง หางไม่ตก - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก - หางยาวเป็นพวง - หาง 3 หรือ 4 แฉก สั้น บานออกคล้ายผีเสื้อ
สี - ดำสนิท - ดำสนิท - ห้าสี (ฟ้า แดง ดำ ขาว ส้ม) ขาวแดง ขาวส้ม ส้ม หรือ ขาวดำ - ดำ หรือ นาก - ดำ หรือ นาก
รูป ทรงและการทรงตัว - เวลาหยุดจะนิ่งสนิท ว่ายน้ำทรงตัวดี - ไม่หยุดนิ่งเป็นเวลานาน ว่ายน้ำทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี
ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ
ครีบ อื่นๆ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ









อ้างอิง

http://www.madogun.com/simple/?t3671.html

https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87&hl=th&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=J2WBT-r6Bs3prQfRx5TSBQ&sqi=2&ved=0CEcQsAQ&biw=1360&bih=566

ดอกกุหลาบ

 ประวัติดอกกุหลาบ
 
กุหลาบ มาจากคำว่า " คุล " ในภาษาเปอร์เชีย แปลว่า " สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ " เข้าใจว่าจากเปอร์เซียได้แพร่เข้าไปในอินเดีย เพราะในภาษาฮินเดียมีคำว่า " คุล " แปลว่า " ดอกไม้ " และคำว่า " คุลาพ " หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น " กุหลาบ "   ส่วนคำว่า "Rose" มาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก ดังนั้นกุหลาบพันปีหรือกุหลาบป่าไทยก็คือต้น Rhodo นั่นเอง
กุหลาบเป็นไม้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อาจเป็นเพราะเป็นดอกไม้ที่มีสีสวย ไม่ใช่แค่สีเดียวในหนึ่ง บางดอกให้เฉดสีสวยงามอย่างยากที่ศิลปินใดจะวาดเลียนแบบได้ ส่วนกลิ่นหอมที่แตกต่างแต่ละสายพันธุ์ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจและยังสามารถ
บังคับให้ออกดอกได้ตามจังหวะเวลาที่ต้องการตามเทศกาลที่สำคัญๆอย่างง่ายมาก
กุหลาบถูกนำไปเป็นสัญญลักษณ์ของสิ่งต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของความรัก มีกุหลาบชื่อภาษฮังกฤษว่า My Valentine นำเข้ามาปลูกในบ้านเรานานแล้ว เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่าง Little chief กับ Little Curt นำออกมาเผยแพร่ครั้งแรกตั้งแต่ปีพ . ศ .2518 กุหลาบพันธุ์นี้ออกเป็นช่อหลายดอกในกิ่งเดียว มีสีแดงอมส้มสดกลิ่นหอมอ่อนมากจนอาจไม่ได้กลิ่น ใบมีสีเขียวเข้มตัดกับสีดอก นิยม
ปลูกเป็นไม้กระถางไม่นิยมตัดดอกขาย
               นอกจากการให้กุหลาบในวันวาเลนไทน์แล้ว การให้กุหลาบสีอะไร เสมือนระบุความหมายเป็นนัยๆอีกด้วยเช่นถ้าสีแดงหมายถึงสีที่แสดงถึงความรัก ส่วนจำนวนดอกที่ให้ก็แสดงความรักเช่นกัน กฏเกณฑ์พวกนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งคนเริ่ม แต่สรุปว่าให้หนึ่งดอกนั้นคือรักแรกพบ สามดอกแค่รักคุณ สำหรับ 999 ดอกรักคุณจนความตายมาพรากเราจากกัน

















อ้างอิง





แมวเปอร์เซีย




ถิ่นกำเนิดเริ่มแรกคือประเทศอังกฤษ เรียกว่า Longhair ส่วนอเมริกาเรียกว่า Persian แมวเปอร์เซียจะเป็นแมวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีโครงร่างหนา กระดูกจะดูใหญ่แข็งแรง หัวกลม ถ้ามองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากอย่างชัดเจน มองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา จะต่างกับแมวเอเชียอย่างแมวไทยซึ่งจมูกกับหน้าผากเมื่อมองจากด้านข้างค่อนข้างจะเป็นเส้นตรง
                      แมวเปอร์เซียมีหน้าตาหลากหลายแบบ อาจจะดูยากหน่อยระหว่างแมวขนยาวสายพันธุ์อื่นกับ โครงร่างของแมวเปอร์เซียลำตัวจะต้องสั้น ขาสั้นเตี้ยแต่หนาดูแข็งแรง หัวกลมหน้ากลม หูเล็กปลายหูมน หูอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกันและไม่สูงเกินไป ตากลมโต หางสั้นแต่ก็ต้องเหมาะสมกับลำตัว หางตรงไม่คดงอบิดเบี้ยว ขนยาวหนาฟู ท่วงท่าการเดินดูดีมีสง่า



การแบ่งแยกชนิดของแมวเปอร์เซียนี้สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท เช่
1.Solid colour
ประเภท Solid นี้ลักษณะขนจะต้องเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์ ,blue ขนสีเทาเข้ม , black สีขนดำสนิท ,red ขนสีแดงเข้มและสดใส , cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อคโกแล็ต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

2.Sliver&Golden









Silver & Golden จะมีลักษณะพิเศษคือ ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

3.Shade&Smoke














ประเภท Shade & Smoke จะมีลักษณะของสีขน 3 แบบ คือ แบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

4.Tabby

Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

5.parti colour

ในประเภท Parti-Color จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

6. Calico & Bi-Color












ประเภท Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้าอีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้สองข้างเท่าๆกัน

7. Himalayan














 เกิดจาการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาส กับแมวเปอร์เซีย แมวประเภทนี้ก็จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส ของไทย คือ หูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส





อ้างอิง
http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no18-25/prettycat/sec02p37.html

http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no18-25/prettycat/sec02p38.html

ตุ็กตาหมีพู





ต้นกำเนิดหมีพูห์ (Winnie-the-Pooh)

        ประมาณเดือนสิงหาคม ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Harry Colebourn สัตวแพทย์ชาวคานาดา ทำงานประจำที่ Fort Garry Horse ใน Winnipeg ได้ถูกส่งตัวไปประจำการที่อังกฤษ ขณะเดินทางไปอังกฤษ ขบวนรถไฟที่เขานั่งไปต้องหยุดจอดที่ White River ใน Ontario เพื่อเปลี่ยนขบวนใหม่ ระหว่างนั้นเขาได้เห็นชายคนหนึ่งกับลูกหมีสีดำ ณ บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยที่ลูกหมีตัวนั้นถูกผูกกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ หลังจากที่ Harry Colebourn พูดคุยกับชายคนนั้นทำให้เขารู้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักล่าสัตว์ เขาจึงขอซื้อลูกหมีตัวนั้นในราคา 20 เหรียญสหรัฐ และตั้งชื่อให้มันว่า Winnie เขาได้นำ Winnie ไปอยู่กับเขาที่กองทัพด้วย ซึ่งทุกคนในกองทัพก็ถือว่า Winnie เป็นสัตว์นำโชคต่อมาเดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน กองทัพที่ Harry Colebourn ประจำการอยู่ ต้องย้ายกำลังพลไปที่ประเทศฝรั่งเศส Harry Colebourn ได้ฝาก Winnie ไว้ที่สวนสัตว์ที่กรุงลอนดอน และเขาคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์เขาคงจะเสร็จภารกิจ และกลับมารับ Winnie ได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดไว้ สงครามสงบประมาณปี ค.ศ. 1918 Harry Colebourn กลับมาที่สวนสัตว์อีกครั้งเพื่อมารับ Winnie แต่เขาพบว่า Winnie อยู่อย่างมีความสุข ณ สวนสัตว์แห่งนี้ ทั้งคนเลี้ยงและคนที่มาเที่ยวในสวนสัตว์ รักมันมาก เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ Winnie อยู่ที่สวนสัตว์ตามเดิม และมาเยี่ยม Winnie เสมอเมื่อมีโอกาส จนกระทั่ง Winnie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1934 ส่วน Harry Colebourn ได้กลับมาประจำการอยู่ที่ทำงานเก่าของเขา Fort Garry Horse ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 โดยทำหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ ประจำกองทัพ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1947 ในช่วงที่ Winnie ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ Winnie มีชื่อเสียงมาก อยู่มาวันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1925 Christoper Robin เด็กชายวัย 5 ขวบได้มาเที่ยวเล่นในสวนสัตว์แห่งนี้ ทันทีที่ Christopher Robin พบกับ Winnie เขาก็เกิดความรักและประทับใจใน Winnie มาก จนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้จากเพื่อนของพ่อของเขาจาก Edward มาเป็นชื่อ Winnie และความรักของ Christoper Robin ใน Winnie นี่เองที่ไปจุดประกายความคิดของ A.A. Milne (Alan Alexander Milne) พ่อของ Christopher Robin ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือและบทกลอน ให้แต่งนิทานเรื่องเกี่ยวกับ Winnie และเพื่อนขึ้นมา โดยชื่อของหมีในนิทานของเขามีชื่อว่า "Winnie-the-Pooh" โดยคำว่า Winnie มาจากตุ๊กตาหมีของลูกชายของเขาและหมี Winnie ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนคำว่า Pooh มาจากชื่อของหงส์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณฟาร์มของเขา (Cotchford Farm อยู่ในบริเวณป่า Ashdown ที่ Sussex ประเทศ England) นิทานของเขาจะเล่าถึงการผจญภัยของ Christopher Robin กับ Winnie รวมทั้งสัตว์ที่เป็นเพื่อนของเขาในป่า โดยที่ลักษณะนิสัย ของตัวละครสัตว์ตัวอื่นๆ เช่น Eeyore, Piglet, Tigger, Kanga และ Roo มาจากเหล่าตุ๊กตาสัตว์ของ Christoper Robin ลูกชายของเขา ส่วนลักษณะนิสัยของตัวละครสัตว์ Rabbit และ Owl มาจากสัตว์ที่อาศัยในบริเวณฟาร์ม และภาพประกอบของนิทานทั้งหมด เขียนโดย E. H. Shepard.


















 












อ้างอิง

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

เค้ก





เค้ก (อังกฤษ: cake) เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มักจะมีลักษณะหวานและผ่านกระบวนการอบ ซึ่งจะทำมาจากแป้ง, น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ไข่, แป้งสาลี, ผัก, ผลไม้ที่ให้รสหวานหรือเปรี้ยว เป็นต้น หรือส่วนประกอบที่มีไขมัน เช่น เนย, ชีส, ยีสต์, นม, เนยเทียม เป็นต้น และนิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในโลกมีตำรับหรือสูตรการทำเค้กเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตำรับการทำเค้กบางสูตรก็มีการสืบทอดการทำเป็นเวลาหลายศตวรรษ และเค้กนั้นยังเป็นอาหารหวานที่นิยมไปทั่วโลกอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้สนใจที่อยากจะเรียนทำเค้กเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ มากมาย อย่างเช่น เรียนเพื่อที่จะนำมาประกอบอาชีพเปิดร้านเค้ก เป็นต้น




เค้กสตอเบอรี่นมสด


 

เค้กช็อคโกแลค


 















คัพเค้กส้ม : Orange Cupcakes







อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81


Chocolate


ช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกเลต (อังกฤษ: Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก
ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้"
ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า
  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้
ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และถูกทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ


โฮมช็อกโกแลต



กล่องใส่Chocolate

กล่องช็อคโกแลต บรรจุ 16ชิ้นแบบที่4กล่องช็อคโกแลต สีบรอนทอง พร้อมข้อความ "for you" สามารถบรรจุช็อกโกแลตชิ้นมาตราฐานขนาด 3.5 x 3.5 cm. ได้ 16 ชิ้น กล่องมีขนาด 16.5 x 16.5 x 2.5 cm. เหมาะสำหรับใส่ช็อกโกแลตและขนมต่างๆที่มีขนาดใกล้เคียงใช้เป็นของขวัญสุดหรูสำหรับมอบให้คนพิเศษเพื่อสร้างความประทับใจ (ราคา 120 บาท)


กล่องช็อคโกแลต บรรจุ 8 ชิ้นแบบที่1กล่องช็อคโกแลต บรรจุ 8 ชิ้นแบบที่1 สีทองผูกริบบิ้นและถาดหลุมตามรูป สามารถนำใส่ช็อกโกแลตได้ 8 ชิ้น กล่องมีขนาด 16.5 x 8.5 x 2.5 cm. เหมาะสำหรับเป็นของขวัญสุดหรูให้เพื่อนหรือคนพิเศษ  (ราคา 70 บาท)


กล่องช็อคโกแลตบรรจุ 1ชิ้น สีชมพูกล่องเปล่า สีชมพู บรรจุ 1 ชิ้น ขนาด 4 x 4 cm. สูง 5 cm. พร้อมป้ายรูปหัวใจตามรูป ทำจากกระดาษอาร์ตคุณภาพดี เหมาะสำหรับนำไปใช้ใส่ช็อกโกแลตหรือของชำร่วยในงานแต่งงานหรืองานมงคลต่างๆ  (ราคา 15 บาท)


กล่องกระดาษ บรรจุ 2 ชิ้นสีเงินกล่องกระดาษ บรรจุ 2 ชิ้นสีเงิน มีขนาด 10.5 x 6.5 x 1.8 cm. พร้อมถาดหลุมใส่ช็อกโกแลต 2 ชิ้น กล่องตกแต่งด้วยริบบิ้นขึ้นอยู่กับเทศกาล เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความหรูหรา สร้างความประทับใจให้กับผู้รับ  (ราคา 25 บาท)


Chocolateสวยงาม

วนิลา ดาร์กช็อกโกแลต โบวล์ดาร์กช็อกโกแลต สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตผสมวนิลา รูปถ้วย ขนาด ขนาด 30x20 mm. น้ำหนัก 12 กรัม  13.00 บาท tax incl.


แคชิวนัท มิลค์ช็อกโกแลต ฟราวเวอร์มิลค์ช็อกโกแลต สอดไส้ มะม่วงหิมพานต์ รูปดอกไม้ ขนาด 28x19 mm. น้ำหนัก 11 กรัม  13.00 บาท tax incl.

แอปเปิลอัลมอนด์ ไวท์ช็อกโกแลตไวท์ช็อกโกแลต สอดไส้ อัลมอนด์ ขนาด 33x27x17 mm. น้ำหนัก 13 กรัม  15.00 บาท tax incl

ฟลาวเวอร์ ดาร์กช็อกโกแลตดาร์กช็อกโกแลตรูปดอกไม้ (ไม่สอดไส้) เส้นผ่านศูนย์กลาง 31x17 mm. น้ำหนัก 13 กรัม  15.00 บาท tax incl



อ้างอิง